Last updated: 3 ต.ค. 2566 | 3121 จำนวนผู้เข้าชม |
"เห็นโอกาสในปัญหา" เป็นที่มาของผู้บุกเบิกที่ปรึกษากฎหมายบ้านแชร์
คุณดิษญา ลิ้มตระกูล
ทนายความหัวหน้าสำนักงานกฎหมายชาญดิศ
“จุดประกายในการเป็นทนายความของเรา คือ มีวันหนึ่ง ขณะที่เราทำงานบริษัทเอกชนอยู่นั้น เราได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย ดูแลสัญญาข้อพิพาทแรงงาน ตอนนั้น เราได้เรียนรู้ว่า กฎหมายเป็นเครื่องมือกลาง ๆ หากเรานำไปใช้ในทางเอารัด เอาเปรียบมันเปรียบเสมือนอาวุธทำร้ายผู้อื่น แต่ในทางกลับกัน หากใช้ในทางที่ดีก็สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย จุดนั้นเอง จึงเป็นที่มาให้เราสนใจเรียนกฎหมายนับตั้งแต่นั้น” คุณดิษญา ลิ้มตระกูล กล่าว
เรียนไม่ตรงสาย เพื่อให้ได้เจอสิ่งที่ใช่?
บางครั้งชีวิตของคนเราก็ต้องเริ่มในสิ่งที่ไม่ใช่ ก่อนจะเจอในสิ่งที่ใช่ เพื่อทำให้เราได้เห็นคุณค่าของประสบการณ์และหล่อหลอมก่อให้เกิดเป็นตัวเราได้มากที่สุด เฉกเช่น คุณดิษญา ลิ้มตระกูล ทนายความหัวหน้าสำนักงานกฎหมายชาญดิศและที่ปรึกษากฎหมายบ้านแชร์ ที่แม้จะเรียนจบปริญญาตรี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรมา แม้จะไม่ได้สานต่อความฝันในการเป็นนักโบราณคดีแต่เธอก็พบจุดหมายใหม่ที่เป็นแรงผลักดัน ในการเรียนรู้กฎหมาย เพื่อนำไปสู่อาชีพทนายความ
ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเรียนรู้
แรกเริ่มเดิมที คุณดิษญาใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ครั้นเรียนจบการศึกษา ก็สมัครเข้าทำงานบริษัทเอกชน โดยที่ผ่านมา เคยทำหน้าที่ทั้ง เลขาผู้บริหารและผู้จัดการฝ่าย HR มาก่อน แต่เมื่อพบจุดเปลี่ยนว่าเธออยากเป็นทนายความ เธอใช้แรงขับเคลื่อนและความตั้งใจในการเล่าเรียนศึกษาวิชากฎหมายจนคว้าปริญญาตรี นิติศาสตร์ ที่ มสธ. มา ในเวลาเพียงปีครึ่ง แม้ตอนที่เริ่มเรียนปริญญาตรีใบที่ 2 นั้น เธอจะอายุเข้าเลขสามแล้วก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ หลังจากเรียนจบปริญญาตรี เธอสอบใบอนุญาตให้เป็นทนายความสำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้น คุณดิษญายังไม่หยุดเรียนรู้ เลือกเรียนต่อในระดับปริญญาโท เพื่อต้องการศึกษากฎหมายเฉพาะด้านมากขึ้น นั่นคือ สาขากฎหมายมหาชน กฎหมายที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างปัจเจกบุคคลกับรัฐ ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงถึงสังคมและส่วนรวม อาทิ กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง
ประเมินคู่ต่อสู้ รู้จิตวิทยา คือ เทคนิคว่าความในศาล
สำหรับอาชีพทนายความ นอกจากการมีความรู้ในด้านกฎหมายแล้ว ยังต้องรอบรู้ในด้านอื่น ๆ ด้วย ที่สำคัญ ต้องมีวาทศิลป์ มีไหวพริบปฏิภาณ รู้เท่าทันทนายความฝ่ายตรงข้าม ซึ่งทนายแต่ละคนจะมีการว่าความแตกต่างกันไป อย่างคุณดิษญาเองนั้น ก็มีเทคนิคเฉพาะ โดยเธอเล่าว่า
“เท่าที่เราเห็นส่วนใหญ่ ลูกความมักชอบทนายดุ ๆ ดูขึงขัง แต่เราไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งเทคนิคการว่าความของเราจะขึ้นอยู่กับคดี และบุคลิกท่าทางของฝ่ายตรงข้าม โดยเราอาศัยจิตวิทยาเข้ามาช่วยผสมผสานกับการสังเกตบุคลิกท่าทาง เพื่อประเมินคู่ต่อสู้ก่อนว่าเป็นอย่างไร ยกตัวอย่าง ถ้าฝ่ายตรงข้ามอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบกว่า เช่น ทำผิดจริง เราจะไม่ข่มเหงเขา แต่เลือกใช้วิธีเจรจาด้วยความอ่อนโยน เพราะแน่นอนว่า ทุกคนย่อมต้องการคนที่สุภาพและให้เกียรติเขาอยู่แล้ว หลังจากนั้น เขาก็พร้อมจะคล้อยตามและโอนอ่อนกับเรามากขึ้น แต่ถ้าเจอกรณีดื้อแพ่ง หรือ อวดเบ่ง เราก็จะไม่ทำตัวกร่างกลับ หรือ เกรงกลัวเขาเกินไป แต่เราจะใช้วิธีอ่อนนอกแข็งในเข้าหา”
คิดว่า จุดมุ่งหมายของแต่ละคดี คืออะไร?
"แน่นอนว่า ลูกความ ไม่ว่าจะในกรณีที่เป็นโจทก์ หรือจำเลย ต่างก็ต้องการชนะคดี และได้รับผลประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็น การได้รับเงินคืน หรือ ได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ดีบางครั้งการชนะคดีก็ไม่ได้หมายความว่าลูกความจะได้ประโยชน์ หากการยอมถอยหนึ่งก้าวจะทำให้ลูกความได้รับประโยชน์มากกว่า ทนายความก็ต้องทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยแทนลูกความได้ด้วย ที่สำคัญ ต้องช่วยรักษาผลประโยชน์ของตัวลูกความให้เป็นไปโดยชอบธรรมที่พึงมีได้ตามกฏหมาย ในขณะเดียวกัน ลูกความก็ควรเชื่อฟังทนายความ หากเปรียบดั่ง ศาล เป็นสนามรบ ลูกความเป็นพระราชา ทนายความเป็นแม่ทัพ เมื่อมีข้าศึกอยู่ในสนามรบ พระราชาต้องฟังแม่ทัพ เช่นเดียวกับเมื่ออยู่ในศาล ลูกความควรรับฟังและทำตามคำแนะนำของทนายด้วย"
ไม่ว่าคดีนั้น ยาก หรือ ง่าย ทุกคดีล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ
"ตลอดระยะเวลา 4 ปี บนเส้นทางนักกฎหมาย การเป็นทนายความของเรา นอกจากการสู้เพื่อชนะคดีแล้ว ยังต้องช่วยให้ลูกความได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมา เราพบเจอคดี ทั้งง่าย และยาก โดยส่วนตัวเรามองว่า คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินประเภทที่ดินหรือทรัพย์สิทธิต่าง ๆ มีความยากอยู่ไม่น้อย เพราะคดีประเภทนี้ นอกจากจะเกี่ยวข้องกับเอกสารสิทธิ์ ซึ่งมีหลายประเภทและเต็มไปด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขมากมายแล้ว ยังมีความเกี่ยวพันกับบุคคลหลากหลายสถานะอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าคดีที่เราว่าความให้มีความสำคัญหมด อย่างเช่นคดี ที่เราเอื้อเฟื้อช่วยเหลือเป็นพิเศษ นั่นคือ คดีครอบครัว อาทิ กรณีแม่เลี้ยงเดี่ยว ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรจากพ่อของเด็ก ฟ้องให้พ่อเด็กรับรองบุตร ฟ้องหย่า อำนาจปกครองบุตร ฯลฯ สาเหตุที่เราพร้อมช่วยเคสเหล่านี้ เพราะเราเห็นว่า เด็กมีสิทธิตามกฎหมายที่เขาจะต้องได้รับการอุปการะจากพ่อและแม่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถมีครอบครัวที่สมบูรณ์ตามอุดมคติของสังคมได้ เนื่องจากพ่อและแม่แยกทางกัน หรือ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ทั้งพ่อและแม่ในฐานะผู้ให้กำเนิด มีหน้าที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบเลี้ยงดูบุตรของตนเองให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพของสังคมต่อไปให้ได้"
ที่ผ่านมา ทำคดีประเภทใดมากที่สุด?
"เรารับว่าความคดีทุกประเภท แต่คดีที่มีเข้ามามากที่สุด คือ คดีแชร์ เพราะต้องยอมรับว่า ธุรกิจบ้านแชร์เป็นเรื่องใกล้ตัวของประชาชน เนื่องจาก การเล่นแชร์เป็นการนำเงินมาลงขันหมุนเวียนให้กับสมาชิกในกลุ่ม เสมือนสถาบันการเงินขนาดย่อม เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบ โดยลูกวงแชร์สามารถนำเงินส่วนนี้มาใช้หมุนเวียนยามจำเป็น หรือ ยามเร่งด่วนได้ แต่ทว่า การทำธุรกิจเกี่ยวกับเงิน ย่อมมีปัญหาการผิดสัญญาเกิดขึ้นได้ง่าย ตามที่เราเห็นในข่าวมากมาย ไม่ว่าจะมาจากท้าวแชร์เองก็ดี หรือลูกวงแชร์ก็ดี ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้มีผู้เสียหายและสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก"
"เห็นโอกาสในปัญหา" ระหว่างท้าวแชร์-ลูกวงแชร์ สู่ที่มาการเป็นที่ปรึกษากฎหมายบ้านแชร์
"หลังจากที่เรารับรู้ปัญหาของธุรกิจบ้านแชร์มามาก เราได้มองเห็นโอกาสว่า บ้านแชร์ควรมีที่ปรึกษา ปัญหาถึงจะลดลง แหละนั่นเอง ที่ทำให้ทุกวันนี้ เรารับเป็นที่ปรึกษากฎหมายบ้านแชร์ และดูแลมามากกว่า สิบบ้าน เรียกได้ว่า เราเป็นคนบุกเบิกรุ่นแรก ๆ เลยก็ว่าได้ โดยเรามุ่งหวังที่จะช่วยแก้ไขปัญหาระหว่างท้าวแชร์ และลูกวงแชร์ เพื่อลดการโกงระหว่างกัน ซึ่งเราจะดูแลและให้คำปรึกษาตั้งแต่การดูแลเอกสาร ทำสัญญา ออกจดหมายทวงถาม และช่วยว่าความคดีให้ในกรณีที่เกิดการผิดสัญญากัน
โดยค่าบริการนั้น เราคิดเป็นรายเดือน ทำสัญญาแบบไม่ผูกมัด โดยขอบเขตของการเป็นที่ปรึกษาขึ้นอยู่กับแพ็คเกจ ข้อเสนอและการตกลงเจรจาที่ระบุในสัญญาระหว่างกัน "
เหตุใด เขาควรมีที่ปรึกษากฎหมายบ้านแชร์
"การประกันความมั่นคงด้วยสัญญาเป็นหลักฐาน"
"ทุกบ้านแชร์ย่อมมีคดีการผิดสัญญาเกิดขึ้นได้"
แต่ถ้าบ้านแชร์วงใดมีสัญญาระบุชัดเจน โอกาสในการเกิดปัญหา อาทิ การโกง การกลั่นแกล้งแจ้งความเท็จให้อีกฝ่ายต้องเสียหาย หรือ การผิดสัญญากันก็น้อยลงตามไปด้วย ในทางกลับกัน หากบ้านแชร์ไหนไม่มีสัญญา เมื่อเวลามีปัญหาการทำคดีเหล่านั้นจะติดตามได้ยากและใช้เวลานาน ไม่ว่าจะเป็น ในแง่ของการสืบพยาน การมีหลักฐานที่ไม่ชัดเจนก็จะส่งผลให้ความน่าเชื่อถือจากหลักฐานน้อยลง พอไปฟ้องศาลโอกาสการถูกยกฟ้องก็เกิดขึ้นได้ง่าย แต่ถ้าเรามีสัญญาที่ถูกต้องตั้งแต่ต้นพยานหลักฐานก็ชัดเจน มีความน่าเชื่อถือที่รับฟังได้ โอกาสในการชนะคดีก็มีสูง
ฉะนั้น การมีที่ปรึกษากฎหมายบ้านแชร์ จะช่วยให้ท้าวแชร์และลูกวงแชร์เองเกิดความมั่นใจว่าจะมีการปฏิบัติต่อกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึง ช่วยรักษาผลประโยชน์ของกันและกันได้ ทางที่ดี เราอยากให้มองอย่างนี้ว่า อย่าปล่อยให้เกิดความเสียหาย แล้วมานั่งเสียใจทีหลังว่า รู้อย่างนี้ เราน่าจะทำสัญญาตั้งแต่แรก"
ในฐานะการเป็นทนาย คิดว่า มุมมองของความสำเร็จคืออะไร?
"ในแง่การทำงาน สิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ คือ ผลลัพธ์ของคดีที่น่าพอใจ แต่นอกเหนือจากความสำเร็จเหล่านั้น เราภูมิใจในอาชีพทนายความ ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมที่จะช่วยอำนวยความเป็นธรรมในสังคม แหละไม่ว่าเราจะทำคดีใดก็ตาม เรามีคติประจำใจเสมอว่า เราต้องมีความซื่อตรงนำเสนอแนวทางที่ดีที่สุดในการดำเนินคดีอย่างตรงไป ตรงมาเพื่อรักษาประโยชน์ของลูกความ มีความยุติธรรม คือ ไม่เอารัด เอาเปรียบลูกความและตนเอง ตลอดจนมีความรับผิดชอบในทุกคดี ดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ เราไม่เคยทิ้งคดี ไม่หนีหาย ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าคดีจะจบลง เรายังสามารถรักษามิตรภาพและความเป็นเพื่อนระหว่างเรากับลูกความไว้ได้ เพราะเราถือว่า ในการทำงาน เราอาจเป็นทนายที่คอยนำเสนอข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพื่อรักษาสิทธิในทางกฎหมายของลูกความ แต่ในชีวิตจริง เราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมสังคม มนุษย์ร่วมโลกด้วยกันทั้งนั้น"
สำหรับบ้านแชร์ใดก็ตาม ที่ต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม หรือ อยากแก้ไขปัญหาก่อนที่มันจะบานปลาย การมีที่ปรึกษากฎหมายบ้านแชร์มาให้คำปรึกษา คำแนะนำ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดี เพราะสิ่งที่ท้าวแชร์ และลูกวงแชร์จะได้รับ นั่นคือ ความมั่นคงและความปลอดภัยของบ้านแชร์ อีกทั้ง ในแง่ของจิตใจ ก็ช่วยลดความทุกข์ เพิ่มความสบายใจและคลายความกังวล จากการมีผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษา ช่วยดูแล ตลอดจน บริหารจัดการเอกสารสัญญาให้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ดังนั้น หากใครสนใจ ที่ปรึกษากฎหมายบ้านแชร์ เพื่อมาช่วยแก้ปัญหา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณดิษญา 089-988-5186 หรือ www.chandislaw.com
........................................................
ผลงานที่ผ่านมา
• เป็นทนายความว่าความคดีเช่าซื้อรถยนต์ ผิดสัญญาต่างๆ คดีฉ้อโกง คดียักยอก คดีละเมิด คดีแรงงาน คดีครอบครัว คดีค้ามนุษย์ ทั้งที่เป็นคดีของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ตลอดจนบริษัทข้ามชาติ คดียาเสพติด คดีเช็ค ฯลฯ
• ที่ปรึกษากฎหมายบ้านแชร์
• ผลงานเขียนหนังสือสรุปเข้มพิชิตข้อสอบนายสิบตำรวจทุกสายงาน และหนังสือติวเข้มพิชิตข้อสอบ กสถ. การปกครองท้องถิ่น ฉบับสมบูรณ์
• นอกจากนี้ ยังเป็นวิทยากรเกี่ยวกับด้าน HR บรรยายเตรียมสอบสัมภาษณ์การเข้าทำงานบริษัท วัฒนธรรมองค์กร การปรับบุคลิกภาพ ให้กับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ และวิทยากรด้านกฎหมาย
• นักแปลภาษา / นักแปลเอกสาร