Last updated: 29 ธ.ค. 2563 | 1230 จำนวนผู้เข้าชม |
7 ข้อที่ต้องรู้ก่อนกู้ยืม
สมัยนี้การทำสัญญากู้ยืมเป็นเรื่องที่ไม่ยากอีกต่อไปเพราะสามารถซื้อหาสัญญาสำเร็จรูปตามร้านเครื่องเขียน ร้านหนังสือหรือดาวน์โหลดสัญญามาจากสื่อออนไลน์มาใช้ได้ทันที แต่ก็มักจะพบว่าเกิดปัญหาข้อขัดข้องหลายประการเมื่อต้องฟ้องร้องเป็นคดีความ อาทิ คู่สัญญาเป็นคนหลักลอย หลักประกันไม่สามารถบังคับได้หรือการค้ำประกันไม่สมบูรณ์หรือไม่ถูกต้อง เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของคู่สัญญาทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ ก่อนเข้าทำสัญญากันจำเป็นที่จะต้องรู้ถึง 7 ข้อนี้ ได้แก่
1. ทำความรู้จักคู่สัญญาของตนให้เพียงพอ เพียงแค่เคยเห็นหน้า รู้จักมักคุ้น เป็นญาติหรือเป็นเพื่อนร่วมงานยังไม่เพียงพอ แต่ควรจะรู้ถึงข้อมูลอาชีพ รายได้ หลักแหล่งที่อยู่ คนรู้จักหรือสมาชิกในครอบครัวเพื่อประโยชน์ในการติดตามหนี้
2. ผู้ค้ำประกันควรมีความน่าเชื่อถือ มีงานหรืออาชีพเป็นหลักแหล่ง มีรายได้ หรือมีหลักทรัพย์ และควรมีอายุไม่เกิน 60 ปี โดยในสัญญาต้องระบุข้อความว่าผู้ค้ำประกันยินยอมผูกพันตนค้ำประกันหนี้และให้ลงลายมือชื่อไว้ด้วย
3. หาข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์หรือทรัพย์สิน เช่น บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์ ของลูกหนี้เพื่อให้ทราบว่าหากต้องบังคับคดีจะสามารถบังคับคดีเอากับทรัพย์สินใดของลูกหนี้ได้บ้าง
4. บ้านหรือที่ดินที่นำมาประกันหนี้ต้องจดจำนองเสมอ การนำเพียงโฉนดมาให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้ไม่ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิยึดอสังหาริมทรัพย์นั้นหากลูกหนี้ผิดสัญญา
5. ระบุอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย สูงสุดได้ร้อยละ ๑๕ ต่อปี โดยสามารถกำหนดดอกเบี้ยผิดนัดไปด้วยก็ได้ แต่ต้องไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด (เว้นแต่เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน)
6. ระบุสถานที่และวันเดือนปีที่ทำสัญญาให้ถูกต้องครบถ้วน หากไม่ระบุสถานที่ทำสัญญาเจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องต่อศาลที่ลูกหนี้มีภูมิลำเนาอยู่เท่านั้น และหากไม่ระบุวันเดือนปีที่ทำสัญญาอาจเกิดข้อโต้แย้งเรื่องวันที่สัญญาเกิดอันส่งผลไปถึงเรื่องการนับอายุความ
7. อย่าลงชื่อในสัญญาโดยไม่ระบุยอดเงิน (และควรเขียนจำนวนเงินเป็นตัวอักษรในวงเล็บด้วย) เพื่อไม่ให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปกรอกตัวเลขที่ผิดจากความเป็นจริงโดยไม่สุจริต
7 ข้อที่กล่าวมาถือเป็นประเด็นสำคัญที่คู่สัญญาทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ต้องระลึกไว้เสมอเมื่อต้องเข้าทำสัญญากู้ยืมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง