Last updated: 21 ก.พ. 2565 | 2983 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อต้องสมรส จดทะเบียนดีไหม
คุณชุติมา (นามสมมติ) ได้โทรเข้ามาปรึกษาดิฉัน เธอบอกว่าเธอคบหากับแฟนมานานกว่าแปดปี ทางครอบครัวเธอเองก็เร่งรัดให้มีการแต่งงาน แต่แฟนของเธอก็ตกลงแต่งงานแบบไม่ค่อยเต็มใจนักพร้อมกับยื่นข้อเสนอว่าจัดพิธีแต่งงานเพียงอย่างเดียวโดยจะไม่จดทะเบียนสมรสด้วยโดยอ้างเรื่องหนี้สิน เรื่องนี้ทำให้เธอกังวลใจมากว่าการแต่งงานที่ไม่จดทะเบียนสมรสนั้นจะส่งผลเสียอย่างไรต่อชีวิตคู่ในอนาคตของเธอ
กฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับการสมรสไว้อย่างไร
การสมรสหรือการแต่งงานนั้นคือการเปลี่ยนผ่านสถานภาพที่สำคัญของชายและหญิงจากสถานภาพโสดก็จะเปลี่ยนเป็นสมรสแล้ว อันนำมาซึ่งสิทธิและหน้าที่ อะไรที่เคยคิดทำได้เพียงลำพังก็ต้องมาคิดและตัดสินใจร่วมกันและบางครั้งก็ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายด้วย
ในทางประเพณีนั้นการสมรสคือพิธีกรรมที่ประกาศให้สังคมคนใกล้ชิดของทั้งสองฝ่ายได้รับทราบว่าชายและหญิงนั้นตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกันนับจากนี้ต่อไป แต่ในทางกฎหมาย การแต่งงานหรือการสมรสนั้นคือการที่ชายและหญิงยินยอมที่จะใช้ชีวิตร่วมกันและมีการแสดงเจตนาให้ปรากฏด้วยการไปจดทะเบียนสมรสต่อเจ้าหน้าที่อำเภอหรือเขต จากนั้นทั้งสองคนก็จะมีสิทธิและหน้าที่ต่อกันตามกฎหมาย
กฎหมายบัญญัติว่าชายและหญิงจะสมรสกันได้เมื่ออายุครบ ๑๗ ปีบริบูรณ์ และหากยังเป็นผู้เยาว์อยู่ (คือยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือยังอายุไม่ถึง ๒๐ ปีบริบูรณ์) ก็จะต้องได้รับความยินยอมจากบิดมารดาหรือผู้ปกครอง (หากแอบไปสมรสกันเองโดยไม่ได้รับความยินยอม การสมรสนั้นจะเป็นโมฆียะ (คือถูกบอกล้างได้ภายหลัง)
แต่ในบางครั้งอาจมีความจำเป็นที่เด็กหรือผู้ที่ยังอายุไม่ครบ ๑๗ ปี จะต้องทำการสมรสเนื่องจากความจำเป็นบางอย่าง เช่น ตั้งครรภ์ ก็อาจขอให้ศาลสั่งให้ทำการสมรสได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๔๔๘ และ มาตรา ๑๔๕๕
กฎหมายรับรองระบบความเป็นผัวเดียวเมียเดียวไว้ ด้วยการบัญญัติว่าชายลและหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสแล้วไม่ได้ ตัวอย่างเช่น หากชายได้จดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นอยู่ก่อนแล้ว จะมาจดทะเบียนสมรสกับหญิงอีกคนภายหลังไม่ได้ แต่ถ้าชายนั้นไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับหญิงคนแรกไว้ก่อน หญิงคนแรกนั้นไม่ถือว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย (กฎหมายไม่รับรอง) ชายนั้นสามารถจดทะเบียนสมรสกับหญิงคนที่สองซึ่งมาทีหลังได้ เข้าทำนองมาทีหลังแต่ได้กินก่อนนั่นแหละ
ในอดีตการจดทะเบียนสมรสซ้อนเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะระบบฐานข้อมูลยังเชื่อมไม่ถึงกัน จึงพบว่ามีกรณีจดทะเบียนสมรสกับคนนี้ที่เขตหนึ่ง แล้วไปจดกับคนอื่นที่จังหวัดอื่นอยู่เสมอ แต่ในปัจจุบันฐานข้อมูลมีการเชื่อมถึงกัน ดังนั้นจึงสามารถทำการตรวจสอบได้ว่าคนที่เราจะสมรสด้วยนั้นได้จดทะเบียนสมรสกับใครอยู่ก่อนแล้วหรือเปล่า ตามมาตรา ๑๔๕๒, มาตรา ๑๔๕๗ และมาตรา ๑๔๕๘ แต่ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเดินดุ่มๆ ไปถามเจ้าหน้าที่ได้นะ เฉพาะเจ้าตัวหรือผู้เกี่ยวข้องหรือมีคำสั่งศาลจึงจะตรวจสอบได้ (แต่ในทางปฏิบัติก็เห็นเขาสืบทางลับกันได้นะ)
สิทธิและหน้าที่ของสามีภริยาตามกฎหมาย
ชื่อหัวข้อก็บอกอยู่ว่าสิทธิหน้าที่ของสามีภริยาตามกฎหมาย นั่นหมายความว่าหากไม่ใช่สามีภริยาที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่ได้สิทธิและไม่มีหน้าที่ต่อกัน เช่น ไม่มีสิทธิไปฟ้องใครว่าเป็นชู้กับคู่ของเรา เพราะเมื่อไม่ใช่คู่สมรสตามกฎหมายก็ย่อมไม่ได้สิทธิตามกฎหมาย
การจดทะเบียนสมรสเป็นก้าวแรกของการเป็นสามีภริยาที่ได้รับการรับรองจากกฎหมาย สามีและภริยานั้นก็มีสิทธิและหน้าที่ต่อกัน ประการแรกคือต้องอยู่กินกันฉันสามีภริยา (คือกินด้วยกัน อยู่ด้วยกัน และนอนด้วยกันนั่นแหละ) ซึ่งก็จะต้องร่วมกันออกค่าใช้จ่ายอุปการะเลี้ยงดูกันตามอัตภาพ (หรือถ้าฝ่ายหนึ่งมีรายได้มากกว่าจะออกค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูอีกฝ่ายทั้งหมดก็ไม่ว่ากัน อันนี้กฎหมายไม่บังคับ แต่จะไม่อุปการะเลี้ยงดูกันเลยนั้น แบบนี้ไม่ได้)
ตลอดจนร่วมกันดูแลทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันระหว่างสมรส หรือที่เรียกว่าสินสมรส การจัดการทรัพย์สินบางอย่างจะต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่าย เช่น การกู้ยืม การซื้อขายที่ดิน เป็นต้น ก็จะต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายด้วย (ซึ่งอีกฝ่ายนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ได้) และหากฝ่ายหนึ่งแอบไปทำนิติกรรมโดยพละการ อีกฝ่ายก็สามารถฟ้องเพิกถอนได้ (เว้นแต่ไปให้สัตยาบันไว้ เช่น รู้แล้วก็เฉยๆ ไม่ได้โต้แย้งอะไร หรือไปเซ็นรับรองให้ภายหลัง)
การจดทะเบียนสมรสนั้นทำได้ได้มาซึ่งสิทธิในการขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นหรือมือที่สามเข้ามายุ่งกับคู่สมรสของเราในทางชู้สาวโดยสามารถใช้สิทธิทางศาลในการฟ้องเรียกค่าทดแทนได้ (ซึ่งหากเป็นสามีภริยาที่ไม่มีทะเบียนจะไม่ได้สิทธินั้น แม้จะมาก่อนก็ตาม)
ปัญหาที่พบการอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส
รวบรวมจากประเด็นที่มีผู้มาปรึกษา
ข้อดีบางประการของการไม่จดทะเบียนสมรส
แม้การจดทะเบียนสมรสจะมีข้อดีคือการได้รับการรับรองและคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย
แต่ถึงกระนั้นการอยู่กินฉันสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียนสมรสก็มีข้อดี ได้แก่
เหรียญย่อมมีสองด้าน ทุกทางย่อมมีข้อดีและข้อเสีย ทุกคนย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในการเลือกหนทางที่เหมาะกับตนเอง แต่ในการเริ่มต้นชีวิตคู่นั้น สิ่งสำคัญคือการเห็นพ้องต้องกัน หากฝ่ายหนึ่งประสงค์จะจดทะเบียนสมรสแต่อีกฝ่ายไม่ยินยอม ย่อมร่วมทางกันต่อไปได้ยาก มีคนกล่าวว่าการสมรสคือการที่สมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย หากประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวนั่นไม่ใช่การสมรส
.............................................